วันนี้คุณ “ช่างแม่ง” แล้วรึยัง
ช่างแม่งงงง ศาสตร์ของการช่างแม่ง “ช่างแม่ง” อุ๊ย!!!! ฟังดูก้าวร้าวจัง แต่คำนี้อาจจะเปลี่ยนชีวิตใครบางคนให้ดีขึ้นได้เลยนะ…จนขนาดมีปรัชญาและศาสตร์ว่าด้วยการช่างแม่งช่างมัน ออกมามากมาย…ถ้าเราตีความง่ายๆตามหลักพุทธศาสนา อาจจะเรียกว่าการปล่อยวางนั่นเอง … เพราะมนุษย์ถูกออกแบบมาให้แคร์เรื่องรอบตัวมากเกินไป ดังคำกล่าวของ มาร์ก แมนชั่น…ซึ่งในชีวิตคนเรานั้นมันมีแค่เรื่องจำเป็นและไม่จำเป็นต้องแคร์ เราไม่จำเป็นต้องแคร์ทุกเรื่อง ทุกเหตุการณ์ โดยเฉพาะคนในยุคปัจจุบันที่ถูกฟีตข้อมูล ข่าว เทรน ต่างๆตลอดเวลา ทำให้เราอาจจะเผลอเครียดกับส่วนเกินในชีวิต จนส่งผลต่อนิสัย อารมณ์ ความคิด บุคลิก ยกตัวอย่างเช่น สั่งอาหารออนไลน์ไป พนักงานจะลืมเอาช้อนกับซอสพริกที่ฉันขอใส่มาไหม …รูปที่ฉันฟีตไปเมื่อเช้า เพื่อนฉันกดไลท์กี่คนแล้วอ่ะ…ทุกอย่างดูหยุมหยิม ไปหมด…งั้นเราควรต้องมา”ช่างแม่งบ้างเห้อออ” แล้วเรื่องอะไรควรช่างแม่งบ้าง… 1.ช่างแม่ง เรื่องที่ควบคุมไม่ได้…ฝนจะตกฟ้าจะร้อง แมวจะออกลูกแปดขา คือมันเกินความควบคุม เราก็แค่รับมือ ยิ้มอ่อนแล้วช่างแม่ง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด 2.ช่างแม่ง เรื่องที่ไร้สาระ ไม่เกิดประโยชน์กับชีวิต….บางเรื่องรับรู้ไปก็ไม่มีผลกับชีวิตเราเช่นข่าวดาราตีกัน ด่ากัน ถ้าจดจ่อจนเกิดอารมณ์ร่วม ครุ่นคิด บางครั้งก็ทำให้จิตใจเราแย่ลงไปได้ 3.ช่างแม่ง เรื่องที่เราต้องฝืนใจ ยกตัวอย่างถ้าคนในสังคมกำลังฮิตกับเทรนการไปเที่ยวแบบนอนป่า แคมป์ปิ้ง แต่เราไม่ชอบบุกน้ำลุยไฟ ก็เพิกเฉยสะ นอนดูทีวีอยู่บ้าน ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือนร้อน 4.ช่างแม่ง เรื่องที่ไม่มีอะไรดีขึ้น คือเราพยายามจนสุดทางแล้ว แต่ผลลัพธ์ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง เราก็ควรปล่อยวางสะ เครียดไปไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ช่างแม่ง อาจจะฟังดูง่ายแต่จริงๆทำยากอยู่เหมือนกัน เพราะบางครั้งพอเราโตขึ้น เราต้องฝืนทำ ฝืนเป็น ในเรื่องที่เราไม่ได้อยากทำหรืออยากเป็น แต่ถ้าเราฝึกบ่อยๆ เช่นการแยกแยะ ให้ความสำคัญกับเรื่องที่สำคัญจริงๆ กับคนที่ไม่ทำให้เราเจ็บปวดยอมรับในตัวตนของเรา ว่าคนเราล้วนไม่เพอร์เฟค ปฏิเสธและยอมรับการถูกปฏิเสธให้เป็น เราก็จะใช้คำว่า ช่างแม่ง เพื่อปลดล็อคความคิด แล้วมุ่งหน้าพัฒนาตนเอง ความสุขจากความคิดก็จะเพิ่มขึ้นค่ะ